ไม่จำเป็นจะต้องเป็นนักวิ
ขั้นตอนการเกิดความคิดสร้
ปี 1926 แกรแฮม วอลลาส เป็นเจ้าของทฤษฏีการเกิดความคิ
1. ขั้นเตรียมตัว เป็นกระบวนการมองภาพรวมของปั
2. ขั้นฟักตัว ผ่านจากขั้นที่หนึ่ง เข้าสู่การใคร่ครวญ และพิจารณาถึงความลึกซึ้งของปั
3. ขั้นค้นพบทางแก้ ขั้นนี้เราอาจจะเรียกว่าขั้นปิ๊
4. ขั้นพิสูจน์ทางแก้ สุดท้ายแล้วเราจะค้นพบทางแก้ที่
เคล็ดลับในการผลิตความคิดสร้างสรรค์
เส้นทางในการได้มาซึ่งความคิดสร้างสรรค์นั้นจะเปรียบไปก็เหมือนกับเราแล่นกระดานโต้คลื่น หรือไม่ก็รถไฟเหาะตีลังกา มันไม่ได้มีขั้นตอนที่เนิบนาบเชื่องช้าเหมือนเดินบนหลังเต่า แต่จะประกอบด้วยแรงผลักดัน ความตื่นเต้น ความท้าทาย และความทรหดอดทนของการใช้สมองอย่างยิ่งยวด(ขึ้นกับระดับความยาก - ง่ายของปัญหาด้วย) ลองนำเทคนิคต่างๆเหล่านี้ไปใช้กันครับ
1. ความคิดสร้างสรรค์มีวัฏจักร ในวัฏจักรของความคิดสร้างสรรค์ไม่ใช่ 1+1 แล้วจะเท่ากับ 2 เสมอไปเราไม่สามารถที่จะค้นพบคำตอบได้ในเวลาอันรวดเร็ว อย่างที่เกริ่นในตอนต้นถึงขั้นตอนของการเกิดความคิดสร้างสรรค์นั้น จะต้องอาศัยระยะเวลาในการบ่มเพาะ การครุ่นคิด และพิจารณาถึงสภาพของปัญหาที่กำลังเผชิญ ในที่สุดเราก็จะเกิดประสบการณ์ ปิ๊ง แว้บ!! หรือพบหนทางใหม่ๆ ในการแก้ปัญหาซึ่งนั่นก็เป็นเวลาที่เราจะเก็บเกี่ยวผลผลิตจากความคิดของเรา
2. ความกลัวคือเพื่อนที่ดีที่สุด แน่นอนในการก้าวสู่กระบวนการสร้างสรรค์นั้น เราหลีกหนีไม่พ้นที่จะเข้าไปเจอกับทางตัน ความไม่คุ้นเคย ความแปลกใหม่ แต่ขอให้เรายึดมั่นไว้ว่าความกลัวนั้นคือเพื่อนที่ดีที่สุดที่จะนำเราไปสู่เส้นทางของความสำเร็จในการคิดและคำตอบที่เราคาดไม่ถึง
3. เปลี่ยนสถานที่คือการเปลี่ยนมุมมอง ยามใดที่เราคิดไม่ออก หรือไม่มีแรงดลใจในการผลิตความคิดใหม่ๆ ลองเปลี่ยนสถานที่ในการคิดครับ อาจย้ายจากโต๊ะทำงานประจำไปยังร้านกาแฟที่คุณชอบ หรือหนีไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ รับรองครับว่าวิธีนี้จะทำให้คุณมองปัญหาในมุมใหม่ๆได้อย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
4. กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ลองใช้ความไร้เดียงสาให้เป็นประโยชน์ หลายๆครั้งที่เราเห็นเด็กๆได้แสดงจินตนาการที่ผู้ใหญ่อย่างเราๆนึกไม่ถึง นั่นคือพลังของความบริสุทธิ์และไร้กรอบของความคิด ในข้อนี้ให้เราทิ้งปัญหาที่เรากำลังคิดไม่ตกสักพักแล้วหันไปทำกิจกรรม หรือเล่นของเล่นที่เราเคยเล่นในวัยเด็ก เช่นปั่นจักรยาน ปั้นดินน้ำมัน ระบายสี หรือเป่ากบ อะไรก็ได้ที่ทำให้เราดึงความไร้เดียงสาออกมาอีกครั้งจากนั้นค่อยกลับไปเริ่มงานคิดสร้างสรรค์กับโจทย์ของเรากันต่อ
5. ความสมบูรณ์แบบคือศัตรูตัวฉกาจ ไม่จำเป็นต้องรอให้ทุกอย่างพร้อมก่อนเริ่มกระบวนการคิดสร้างสรรค์ เพราะนั่นคือสัญญาณของการคาดหมายเหตุการณ์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดซึ่งการันตีได้เลยว่าไม่มีทางเกิดขึ้นในโลกความเป็นจริง และซ้ำร้ายรังแต่จะมัวทำให้เราผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆและที่สุดก็ไม่ได้เริ่มลงมือคิดสร้างสรรค์อย่างจริงจังสักที
6. เป้าหมายมีให้พุ่งชน ถ้อยคำจากสโลแกนโฆษณาชิ้นหนึ่งยังใช้ได้ดีเสมอเฉกเช่นกับคำพูดของไอน์สไตน์ ได้เคยกล่าวไว้ว่า"จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" ตั้งเป้าหมายไว้ว่าสิ่งที่เราต้องการจะเป็นนั้นคืออะไร อย่าดูถูกพลังของความฝันหรือความหวัง วาดภาพไว้ว่าเราต้องการจะเป็นอย่างไรในอนาคต แล้วใช้พลังของความคิดสร้างสรรค์ที่มีอยู่ในตัวนั้นเป็นแรงผลักดันไปให้ถึงจุดหมาย
7. สมุดจดบันทึกคือตาข่ายดักปลาแห่งไอเดีย หาสมุดจดบันทึกพร้อมปากกาหรือดินสอ(ในสมัยนี้เราสามารถใช้โทรศัพท์มือถือในการโน้ตย่อได้) พกติดตัวไว้ตลอดเวลาแม้เวลานอนหลับ ไม่แน่ว่าไอเดียดีๆจะเกิดขึ้นในขณะใดขณะหนึ่งก็เป็นได้และการที่เราพลาดที่จะจดบันทึกไว้ก็จะเป็นการโยนความคิดที่มีค่านั้นทิ้งหายไปอย่างน่าเสียดาย
ทิ้งท้ายขมวดไว้ ณ ที่นี้ก็คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการให้ได้มาซึ่งความคิดสร้างสรรค์นั้นคือ"สมาธิ" จิตใจที่จดจ่อกับปัญหานั้นๆเป็นสิ่งที่จำเป็นในการผลิตความคิดสร้างสรรค์ ไม่ใช่ครั้งเดียวแน่ๆที่อาร์คิมีดีสนอนแช่ในอ่างอาบน้ำก่อนค้นพบวิธีหาปริมาตรของรูปทรงอิสระ ไม่ใช่ครั้งเดียวแน่ๆที่ไอน์สไตน์จะคิดค้นทฤษฏีสัมพันธภาพได้จากการคิดเพียงทฤษฏีเดียว และไม่ใช่ครัังเดียวแน่ๆที่โมซาร์ทจะคิดเพลงซิมโฟนีที่มีชื่อเสียงจากการแต่งเพลงเพียงครั้งเดียว ความพยายามพากเพียร อดทนและสมาธิเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักคิดสร้างสรรค์ทุกๆคน ขอให้ผู้อ่านประสบความสำเร็จในการคิดสร้างสรรค์ทุกคนครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น